ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ (Cr. tnp.straitstimes.com)
จะมีนักมวยไทยสักกี่คนที่มีโอกาสได้ขึ้นสังเวียนในสหรัฐอเมริกา แผ่นดินที่ใคร ๆ ก็ว่านี่คือความฝันและเกียรติยศอันสูงสุดในอาชีพค้ากำปั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับนักชกไทยที่จะได้ไปเฉิดฉายบนเวทีที่ทั่วโลกให้การยอมรับ เพราะที่แห่งนี้คือเมกะแห่งวงการกำปั้นโลกโดยเฉพาะที่ “ลาสเวกัส เนวาด้า”
ในอดีตมีกำปั้นไทยเพียง 4 คนเท่านั้นที่สามารถคว้าชัยบนแผ่นดินมะกันโดยมีแชมป์โลกเป็นเดิมพัน คนแรกคือ โผน กิ่งเพชร แชมป์โลกคนแรกของประเทศไทยที่บินไปป้องกันแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต (112 ป.) NBA หรือ WBA ในปัจจุบัน ด้วยการชนะทีเคโอ ปาสคาล เปเรซ คู่ปรับเก่าชาวอาร์เจนตินา ในยกที่ 8 เมื่อปี พ.ศ. 2503
คนที่ 2 “หมานข้าวมันไก่” สมาน ส.จาตุรงค์ ชนะทีเคโอ ฮุมเบอร์โต้ กอนซาเลส นักชกระดับตำนานชาวเม็กซิโก ในยกที่ 7 กระชากเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นไลต์ฟลายเวต (108 ป.) WBC และ IBF มาครองได้แบบช็อกสายตาแฟนมวยทั่วโลก สร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลก 2 สถาบันคนแรกของเมืองไทย เมื่อปี 2538
คนที่ 3 ยอดสนั่น 3Kแบตเตอรี่ ชนะคะแนน สตีฟ ฟอร์บ นักชกชาวสหรัฐฯ ในการป้องกันแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต (130 ป.) WBA เมื่อปี พ.ศ. 2547 และคนล่าสุดนั่นคือ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ที่กระชากแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต (115 ป.) WBC มาครอง ด้วยการยัดเยียดความปราชัยครั้งแรกให้กับแชมป์โลกไร้พ่ายอย่าง “ช็อกโกลาติโต้” โรมัน กอนซาเลส ซูเปอร์สตาร์ดังจากนิการากัว ได้ถึง 2 ครา แถมยังคว้าชัยเหนือ ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า ผู้ท้าชิงชาวเม็กซิโก ในการป้องกันแชมป์ครั้งแรกบนแผ่นดินอเมริกาอีกด้วย
ยังมีกำปั้นไทยอีกรายที่สามารถคว้าชัยบนแผ่นดินมะกันมาได้ชนิดที่เหนือความคาดหมายนั่นก็คือ “เทพบุตรหน้าหยก” ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ ที่เกือบจะได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลก 3 รุ่นคนแรกของเอเชีย แต่ทว่าโชคชะตาดันมาเล่นตลกกับเขาก่อนกำหนดการชกเพียงแค่ 3 อาทิตย์ และทำให้โอกาสนั้นล่องลอยไปโดยปริยาย และที่น่าตลกยิ่งกว่านั้นคือการพลาดโอกาสที่จะได้ชกกับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกถึงสามครั้งสามครา วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยอะไรที่ทำให้เขาพลาดโอกาสดังกล่าว รวมถึงเรื่องราวที่ทำให้เขาจำต้องแยกทางกับค่ายนครหลวงโปรโมชั่นแบบที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
จุดเริ่มต้นในการสวมรองเท้าชกสากลอาชีพ
ศิริมงคล ในสมัยที่ชกมวยไทยเป็นมวยที่มีชั้นเชิงแพรวพราวในการออกหมัด ฟอร์มจึงไปเข้าตา “บิ๊กอึ่ง” สหสมภพ ศรีสมวงค์ โปรโมเตอร์ผู้ปลุกปั้นแชมป์โลกชาวไทยมาแล้วมากมาย จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสวมรองเท้าชกมวยสากลอาชีพ ก่อนจะไต่เต้าขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์โลกสถาบันหลักอย่างสภามวยโลก WBC ในรุ่นแบนตั้มเวต (118 ป.) เป็นรุ่นแรกด้วยการไล่ถลุง โฮเซ่ หลุยส์ บูเอโน่ นักชกเม็กซิโก เอาชนะทีเคโอไปในยกที่ 5 และเสียตำแหน่งให้กับ โจอิชิโร่ ทัตสึโยชิ ในเวลาต่อมา
ศิริมงคล ครั้งเมื่อเอาชนะทีเคโอ โฮเซ่ หลุยส์ บูเอโน่ (Cr. wbcboxing.com)
เมื่อสิ้นบุญ “บิ๊กอึ่ง” ที่จากไปอย่างกระทันหัน ศิริมงคล ก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในสังกัดใหม่นั่นคือนครหลวงโปรโมชั่น ที่มี “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ กุมบังเหียน พร้อมกับคว้าเข็มขัดแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต (130 ป.) มาครองได้เป็นรุ่นที่ 2 ด้วยการไล่ทุบ เคนโกะ นากาจิม่า ชนะทีเคโอเพียงยกที่ 2 แต่ถึงกระนั้นก็มีเรื่องที่ทำให้เจ้าตัวต้องแยกทางกับค่ายมวยชื่อดังย่านท่าน้ำนนท์ หลังจากเสียเข็มขัดเส้นดังกล่าว
https://www.youtube.com/watch?v=d_5wnOTxBPM (ศิริมงคล vs นากาจิม่า)
ศิริมงคล ครั้งเมื่อเอาชนะทีเคโอ เคนโกะ นากาจิม่า (Cr.facebook)
ความเห็นไม่ตรงกันจำต้องแยกทาง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2546 เป็นครั้งแรกที่ ศิริมงคล ได้โอกาสเปิดตัวบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกา เมื่อต้องขึ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต ไฟต์บังคับกับ เฮซุส ชาเวซ รองแชมป์โลกอันดับ 1 ชาวเม็กซิโก ในเวลานั้น ที่สังเวียนคอนเวนชั่น เซนเตอร์ รัฐเท็กซัส ซึ่งก่อนชกได้มีการเซ็นสัญญาภายใต้เงื่อนไขหากใครเป็นผู้ชนะ ในไฟต์ถัดไปเตรียมระเบิดศึกกับ อีริค โมราเลส นักชกระดับซูเปอร์สตาร์ชาวเม็กซิโก ที่ยืนรออยู่เบื้องหน้า
เฮซุส ชาเวซ (cr.ringtv)
ทว่าเกมการชกในไฟต์ดังกล่าว ศิริมงคล เป็นฝ่ายตั้งรับดักจังหวะสองอยู่วงนอกตลอดยกที่ 1 จนถึงยกที่ 11 และกลายเป็น ชาเวซ ที่เดินหน้าประเคนพายุหมัดสาดใส่นักชกชาวไทยแบบไม่มีหยุด กระทั่งยกสุดท้าย ศิริมงคล ที่ไม่มีอะไรจะเสียตัดสินใจเปลี่ยนสไตล์จากรับมาเป็นรุก เปิดเกมเดินหน้าเข้าหารองแชมป์โลกดูบ้างซึ่งก็เป็นฝ่ายทำได้ดีเลยทีเดียว แต่ไม่ทันการณ์เพราะครบ 12 ยก เป็น ชาเวซ ที่เอาชนะคะแนนไปอย่างเอกฉันท์ สถาปนาตนเป็นแชมป์โลกคนใหม่ได้สำเร็จ
https://www.youtube.com/watch?v=R__iFDA97AM (ศิริมงคล vs ชาเวซ)
อย่างไรก็ตามแฟนมวยชาวไทยต่างตั้งคำถามมากมาย ว่าทำไม ศิริมงคล เพิ่งมาเดินลุยแหลกเอาในยกสุดท้าย ซึ่งมันก็สายไปแล้ว และเรื่องดังกล่าวยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องแยกทางจากค่ายนครหลวงโปรโมชั่น อีกด้วย
“วันนั้นทางเสี่ยฮุยไม่ให้ผมเดินครับ แผนที่เตรียมไปคือให้ผมหนีอย่างเดียวเหมือนไฟต์ก่อนหน้านั้นที่ชกชนะ ยอง ซู แช พอผมต่อยไม่ออกเขาก็ยังไม่ให้ผมเดิน จนผมจะตัดสินใจเดินก็เลยมีปัญหากันว่าผมไม่เชื่อฟังเขาไปเชื่อฟังพ่อผมแทน หลังจากไฟต์นั้นผมก็เลยตัดสินใจออกมาจากค่ายนครหลวงครับ”
อีริค โมราเลส (Cr.ebay)
“ไฟต์นั้นผมมั่นใจมากเลยนะ แต่พอขึ้นเวทีผมเริ่มถอยผมกลับไม่มีกำลังเฉยเลย ผมก็อยากเดินนะแต่ทีมงานก็ยังไม่ให้เดินให้ผมเล่นฝีมืออยู่วงนอก จนยกสุดท้ายผมเลยตัดสินใจเดินเองครับ ก็เสียดายวันนั้นเพราะถ้าชนะไฟต์ต่อไปคือได้เจอกับ อีริค โมราเลส ค่าตัวน่าจะถึงหลักล้านเหรียญดอลลาร์เลยครับ”
ที่มาของคำว่า “ฮีโร่ ลาสเวกัส”
หลังจากเสียแชมป์โลก ศิริมงคล เลือกที่จะขยับรุ่นขึ้นมาชกในพิกัดไลต์เวต (135 ป.) พร้อมกับผู้อุปการะคุณคนใหม่อย่าง “เสี่ยนริศ” นริศ สิงหวังชา ที่ให้การดูแลเป็นอย่างดี พร้อมทั้งกลับมาทำฟอร์ม 4 ไฟต์ในพิกัดนี้จนมีชื่อรั้งรองแชมป์โลกรุ่นไลต์เวต WBC อันดับที่ 2 ก่อนจะได้โอกาสบินไปชกที่สหรัฐฯ อีกครั้ง บนสังเวียนที่เรียกได้ว่าเป็นเกียรติและความใฝ่ฝันของนักมวยทั่วโลกที่ครั้งหนึ่งอยากมีโอกาสได้มาโชว์ฟอร์มสักครั้ง นั่นคือ “เอ็มจีเอ็ม แกรนด์” สังเวียนระดับตำนานแห่งลาสเวกัส เนวาดา
ศิริมงคล มีโปรแกรมขึ้นชกตัดเชือกกับ ไมเคิล คล้าก นักชกเจ้าถิ่นรองแชมป์อันดับ 1 เพื่อหาผู้ชนะไปชิงแชมป์โลกกับ ดีเอโก คอร์ราเลส เจ้าของตำแหน่งชาวสหรัฐ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2548 บทเรียนราคาแพงจากไฟต์ที่แพ้ ชาเวต ทำให้ครั้งนี้เขาตัดสินใจใส่เกียร์บู๊ตั้งแต่เสียงระฆังยกแรกดังขึ้น ท้ายที่สุดก็เป็นฝ่ายสอยนักชกเจ้าถิ่นร่วงถึง 2 ครั้ง ก่อนสิ้นสภาพจนต้องส่ายหัวขอยอมแพ้ไปในยกที่ 7 และนี่ก็เป็นที่มาของฉายา “ฮีโร่ลาสเวกัส” ที่แฟนมวยชาวไทยมอบให้กับนักชกหน้าหล่อหน่วยก้านดีรายนี้
https://www.youtube.com/watch?v=vdH5HvKnzKc (ศิริมงคล vs คล้าก)
“หลังออกจากนครหลวงผมก็เลยออกมาซ้อมเองกับพ่อที่ค่ายครับ ก็เลยชกตามสไตล์เราไม่ต้องฟังใครตัดสินใจเองได้ ที่สำคัญแฟนมวยที่อเมริกาเขาชอบมวยเดินลุยครับ ก็เลยตัดสินใจเดินชนตั้งแต่ยกแรก ไฟต์นั้นเป็นอีกหนึ่งชัยชนะที่ภูมิใจที่สุด จนคนไทยที่สหรัฐฯ ตั้งฉายาให้ผมว่าฮีโร่ลาสเวกัสครับ”
แชมป์โลก 3 รุ่นคนแรกของเอเชีย อยู่แค่เอื้อม
หลังจากคว้าชัยในไฟต์ตัดเชือก ศิริมงคล ก็ได้ขึ้นเป็นตัวยืนในการเป็นผู้ท้าชิงเข็มขัดแชมป์โลก WBC รุ่นไลต์เวต แต่ก็ต้องรออยู่นานนับปีเนื่องจาก ดีเอโก้ คอร์ราเลส เจ้าของตำแหน่งชาวมะกัน มีโปรแกรมที่จะต้องชกรีแมตช์กับทาง โฮเซ่ หลุยส์ คัสติโญ่ ซ้ำแล้วตัวของ คอร์ราเลส เองก็ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมต้องพักนานหลายเดือน ทางสภามวยโลกจึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะให้ ศิริมงคล ที่ตอนนี้รั้งรองแชมป์โลกอันดับ 1 ได้ชิงแชมป์โลกเฉพาะกาลรุ่นไลต์เวต WBC กับ ชิกาชิ อินาดะ รองแชมป์อันดับ 3 แดนอาทิตย์อุทัย เพื่อเป็นการฆ่าเวลารอผู้ชนะระหว่าง คอร์ราเลส กับ คัสติลโญ่ ที่ไม่รู้จะได้ชกกันอีกเมื่อไหร่
กำหนดการชิงแชมป์โลกรุ่นที่ 3 ของ ศิริมงคล มีขึ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ณ สังเวียน สเตเปิล เซนเตอร์ ลอสแอนเจลิส แต่แล้วโชคชะตาก็กลั่นแกล้งเทพบุตรหน้าหยกก่อนชกเพียงแค่ 3 สัปดาห์ เมื่อไม่ผ่านการตรวจร่างกายก่อนจะบินลัดฟ้าสู่สหรัฐฯ จนพลาดโอกาสสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการกำปั้นไทยไปอย่างน่าเสียดาย เพราะหากเขาคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้เขาจะกลายเป็นแชมป์โลก 3 รุ่นคนแรกของเอเชีย แถมยังพลาดการได้เผชิญหน้ากับ แมนนี่ ปาเกียว ยอดมวยจากฟิลิปปินส์อีกด้วย
ซานตา ครู๊ซ เอาชนะทีเคโอ อินาดะ ยกที่ 6
ท้ายที่สุดส้มลูกนี้จึงหล่นไปอยู่ในมือของมวยแทนอย่าง โฮเซ่ อาร์มันโด้ ซานตา ครู๊ซ รองแชมป์อันดับ 6 จากเม็กซิโก ที่มาเป็นมวยแทน ไล่ถลุงเอา อินาดะ ชนะทีเคโอไปในยกที่ 6 ซึ่งต่อมาทาง WBC ก็ได้สถาปนา ซานตา ครู๊ซ เป็นแชมป์โลกตัวจริง ก่อนจะเสียตำแหน่งให้กับ ดาวิด ดิแอส แต่ที่ตลกร้ายยิ่งกว่านั้นเข็มขัดเส้นดังกล่าว ยังตกไปอยู่ในมือของ ปาเกียว หลังจากเอาชนะน็อก ดิแอส กลายเป็นแชมป์โลก 3 รุ่นคนแรกของเอเชีย ไปอย่างน่าเจ็บแสบ
“ผมกำลังจะไปชกอยู่แล้วแต่เผอิญก่อนชก 3 สัปดาห์ ผมตรวจเจอไวรัสตับอักเสบบีแบบเฉียบพลัน ซึ่งที่ลอสแองเจลิสเขาเคร่งเรื่องนี้มากครับ ความจริงผมสามารถชกได้ทุกที่นะถ้าไม่ใช่ที่เมืองนี้ ก็น่าจะเป็นที่วาสนาครับที่ทำให้ผมพลาดการชิงแชมป์ในไฟต์นั้น”
“เสียดายมากครับเพราะครั้งนั้นทำสภาพร่างกายดีมาก ดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ มั่นใจว่าหากได้ชกยังไงก็ชนะ สุดท้ายเข็มขัดเส้นนี้ก็ไปอยู่ในเอวของ ปาเกียว เพราะหลังจาก ซานตา ครู๊ซ เสียให้ ดาวิด ดิแอส ทางด้าน ดิแอส ก็เสียแชมป์ให้กับ ปาเกียว ในไฟต์ต่อไปทันทีครับ”
แมนนี่ ปาเกียว (cr.Steve Marcus)
โชคชะตากลั่นแกล้งไม่พัก วาสนาไม่ถึงแชมป์โลกรุ่นที่ 3
ไม่มีนักมวยคนไหนที่จะอยู่ยงคงกระพันชกอยู่ในพิกัดเดิมเสมอไป สรีระร่างกายคนเรานานวันก็ต้องเติบโต ศิริมงคล ตัดสินใจปีนพิกัดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาอยู่ในรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวต (154 ป.) พร้อมทั้งคว้าเข็มขัดแชมป์ WBO เอเชียแพนแปซิฟิก มาครองก่อนที่จะตั้งเป้าไปที่เข็มขัดองค์กรมวยโลก WBO ในรุ่นดังกล่าวที่ ณ เวลานั้นมี เดมิทรีอุส อันดราเด เจ้าของตำแหน่งชาวสหรัฐฯ ถือครองอยู่
กระทั้งปี 2558 ศิริมงคล ที่รั้งรองแชมป์โลก WBO อันดับ 8 ในขณะนั้นก็ได้รับข่าวดี เมื่อทีมงานของ อันดราเด ได้ส่งสารเทียบเชิญอดีตแชมป์โลกชาวไทยให้เดินทางไปท้าชิงตำแหน่ง ซึ่งการเจรจาดังกล่าวได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แถมยังมี ลีออน พานอลซิลโญ่ ประธานใหญ่แห่ง WBO เอเชียแปซิฟิก ณ เวลานั้นเป็นสักขีพยานในการเซ็นสัญญาชกครั้งนี้อีกด้วย โดยกำหนดการชกจะมีขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม 2558
เดมิทรีอุส อันดราเด (Cr.DAZN)
แต่ก็ไม่วายโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาอีกครั้ง เมื่อก่อนโปรแกรมการชกเพียงเดือนเศษ อันดราเด ได้ประกาศสละตำแหน่งแบบไม่มีปี่มีขุ่ย เพียงเพราะอยากพักจากวงการมวยสักระยะ นั่นหมายความว่าสัญญาที่เคยเซ็นกันไว้กับ ศิริมงคล จึงเป็นโมฆะไปโดยปริยาย
“ตอนนั้นเซ็นสัญญาชกกันแล้วครับ แต่จู่ ๆ อันดราเด ประกาศเลิกมวยเฉยเลย สุดท้ายผมก็อดชก เพราะทาง WBO เขาให้รองแชมป์โลกอันดับ 1 กับอันดับ 2 ชิงว่างกันเองครับ”
“ผมเหมือนเป็นคนไร้วาสนาจะได้ชกกับซูเปอร์สตาร์เพื่อทำเงินตั้งหลายครั้งแต่ก็พลาดโอกาส สมัยชกในรุ่น 130 ป. ตอนนั้นผมรั้งรองแชมป์โลก WBC อันดับ 1 ฟลอย เมเวเธอร์ จูเนียร์ ก็สละแชมป์หนีข้ามรุ่นจนผมต้องไปชิงว่างกับ เคนโกะ นากาจิม่า พอได้เข็มขัดมาครองก็มีโอกาสจะได้เจอกับ อีริค โมราเลส แต่ก็ดันไปชกผิดแผนจนทำให้แพ้ เฮซุส ชาเวต เสียก่อน พอขึ้นมารุ่น 135 ป. ก็มีโอกาสจะได้เจอกับ แมนนี่ ปาเกียว แต่โชคชะตากับเล่นตลกกับผม บุญมีแต่กรรมบังจริง ๆ ครับ”
เมื่อชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นต่อไป เพื่อครอบครัวที่ต้องดูแล
ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างปัจจุบัน ศิริมงคล ยังเดินหน้าชกมวยต่อไปเพื่อเป็นรายได้หาเลี้ยงครอบครัว และเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวัยกำลังน่ารักอย่างน้องมีบุญ นอกเหนือรายได้จากการทำค่ายมวย ซึ่งตราบใดที่สังขารยังไว้เทพบุตรหน้าหยกรายนี้ยังคงโลดแล่นบนสังเวียนเดือด
ศิริมงคล และ น้องมีบุญ ลูกชายเพียงคนเดียว (Cr.facebook)
“ทุกวันนี้ก็ซ้อมมวยอยู่ตลอดครับ ซ้อมเท่าที่ไหวเพราะอายุเราก็มากแล้ว ตราบใดที่ร่างกายยังไหวผมก็จะชกไปเรื่อย ๆ ครับ เพราะผมยังมีครอบครัวและลูกที่ต้องดูแล ยิ่งเศรษฐกิจทุกวันนี้แย่มาก รายจ่ายมากกว่ารายรับ ส่วนค่ายมวยตอนนี้ก็โอเคครับพออยู่ได้ ก็มีนักมวยทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาซ้อม บางครั้งก็พานักมวยในค่ายไปชกต่างประเทศ”
“แต่เอาจริง ๆ นะ ผมไม่เคยชอบมวยเลยสักนิด ผมอยากจะออกจากวงการมวยจะแย่อยู่แล้ว ตอนนี้หากเลือกได้ผมอยากจะกลับไปหาอะไรทำอยู่ต่างจังหวัดเพราะมันเงียบสงบดีครับ แต่มันคือหน้าที่ที่เราต้องทำเพื่อรับผิดชอบปากท้องและครอบครัวครับ”
นอกจากนี้เจ้าตัวยังมองว่าวงการมวยสากลอาชีพไทยในปัจจุบันอยู่ในช่วงขาลง เรียกว่าดิ่งที่สุดตั้งแต่เคยเกิดขึ้นมาเลยก็ว่าได้
ศิริมงคล กับลีลาการเป็นครูมวยที่ญี่ปุ่น (Cr.facebook)
“วงการมวยสากลอาชีพไทยในยุคปัจจุบันอยู่ในช่วงดิ่งลงสุด ๆ ครับ ทุกวันนี้ตัวโปรโมเตอร์มองว่าสิ่งนี้เป็นเพียงแค่ธุรกิจมากกว่าที่จะสร้างแชมป์โลก ถ้าจะสังคายนาใหม่ต้องรื้อระบบตั้งแต่การหาคู่ชกมาให้นักมวยที่สร้างต้องมีคุณภาพมากกว่านี้”
“กลายเป็นว่าทุกวันนี้เราไปเป็นบันไดให้กับพวกดาวรุ่งฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นล่าสุดที่ผมไปมาคนที่นั่นเขาบอกว่า แต่ก่อนมวยฟิลิปปินส์โดนแทบไม่ได้ร่วงทุกราย แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นนักมวยไทยที่โดนไม่ได้ยิ่งกว่ามวยปินส์เสียอีกครับ”